ความแตกต่าง รูปแบบสารอาหาร เม็ด ผง น้ำ

เจล เปรียบเทียบสารอาหารประเภทต่างๆ

สารอาหารในรูปแบบเม็ด

แบบเม็ดนั้นเป็นรูปแบบพื้นฐานของอาหารเสริมแบบเม็ดนั้นเล็ก และสะดวกในการพกพา ติดตัวไปด้วย ง่ายในการขนส่ง ซึ่งนั้นเป็นข้อดีของสารอาหารแบบเม็ด สารอาหารแบบเม็ดนั้นผลิตโดยการผสมส่วนผสมชนิดผงกับสารเคมีที่ใช้เติมเต็ม แม่พิมพ์, สารเคลือบผิว รวมถึงสารเคมีอนุภาคเล็กๆ ที่ทำให้ไม่ติดกับแม่พิมพ์ สารอาหารแบบเม็ดนั้นมีหลากหลายขนาดและรูปร่าง เพื่อให้แยกแยะชนิดกันได้ ปกติแล้วเม็ดที่มีขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า มักจะเป็นวิตามิน หรือสมุนไพรที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์สูง

กระบวนการ สำคัญในการผลิตคือ การอัดเม็ดโดยใช้แรงกด ส่วนผสมที่เป็นผง ด้วยแรงกดประมาณ 10,000 – 20,000 psi (ปอนด์) ด้วยแรงกดมหาศาลนี้ บวกกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้ส่วนผสมทั้งหมด สามารถรวมกันเป็นเม็ดแข็ง ไม่แตกหักได้ง่ายๆ สารเคมีที่ใช้เคลือบนั้น ปกติจะมีส่วนผสมของสีย้อมสังเคราะห์ และการเคลือบนี้ยังช่วยป้องกันการแตกหัก รวมถึงทำให้กลืนง่ายขึ้น

นอกจากการใช้สารเคมีมากมาย ในกระบวนการผลิตแล้ว สารอาหารแบบเม็ด ยังมีข้อเสียอื่นๆอีก สำหรับการกลืนสารอาหารแบบเม็ดเข้าปากนั้น เป็นปกติสำหรับ เด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุ ที่จะมีปัญหากับการกลืน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกายภาพ หรือทางด้านจิตใจ ประมาณ 40 % ของประชากรโลกจะมีปัญหานี้

สารอาหารแบบเม็ดนั้น ถูกออกแบบมาให้แตกออก หลังจากถูกกลืนลงไปแล้ว โดยเม็ดยาจะแตกออก (ถูกย่อย) ภายใน 30 – 45 นาทีด้วยกรดในกระเพาะอาหาร ผลรวมของเม็ดของสารอาหารนั้น ยังคงอยู่แม้กระบวนการย่อยจะเรียบร้อยแล้ว โชคไม่ดีที่ไม่ใช่สารอาหารแบบเม็ดทั้งหมดจะแตกออกอย่างรวดเร็ว และกระเพาะก็ไม่อยู่ในสภาวะปกติตลอดเวลา ในขั้นต่อไปสารอออกฤทธิ์ใน สารอาหารแบบเม็ด จะละลายในของเหลว และถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดในขั้นต่อไป ซึ่งอาจจะใช้เวลาถึง 3 – 4 ชั่วโมง ก่อนที่สารออกฤทธิ์จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด

สารอาหารแบบผง

สารอาหารแบบผงนั้น จะเป็นผงแห้งๆ ออกแบบมาให้ผสมกับน้ำ, นม, น้ำผลไม้, หรือของเหลวอื่นๆ สารอาหารแบบผง มีอายุการเก็บที่นาน เนื่องจากไม่มีน้ำ หรือความชื้น และยังมีน้ำหนักเบา ง่ายในการพกพา แต่ในที่ที่มีความชื้นสูง เช่นในประเทศไทย สารอาหารแบบผง จะดูดเอาความชื้นจากในอากาศได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระยะเวลา ในการเก็บรักษาสั้นลง

ข้อเสียที่สำคัญของสารอาหารแบบผงคือ จำเป็นต้องมีของเหลวที่ใช้ผสม ไม่ว่าจะเป็น น้ำ, นม, น้ำผลไม้ ซึ่งแบบผงไม่ได้ผลิตขึ้น เพื่อทานแห้งๆโดยไม่ผสมน้ำ ซึ่งจะเป็นอันตราย ยิ่งกว่านั้น ถ้าสูดเอาผงที่ฟุ้งกระจาย ระหว่างที่ตักสารอาหาร หรือระหว่างที่ผสม นอกจากนี้ยังต้องการอุปกรณ์ ในการตวงและผสม รวมถึงคราบสกปรกที่จะเกิดขึ้นถ้าทำหก


สารอาหารแบบน้ำ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบน้ำนั้น ได้ถูกนำมาใช้ อย่างกว้างขวาง ในวงการธุรกิจเครือข่ายหลายเจ้า ได้นำเข้าผลไม้จากต่างประเทศบางชนิด มาบด และผสมน้ำ หรือน้ำผลไม้ ซึ่งส่วนใหญ่ จะบรรจุอยู่ในขวดแก้ว ขนาด 1 ลิตร สารอาหารในรูปแบบของเหลวนั้นดีเยี่ยม ง่ายในการกลืน และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด

แต่โชคไม่ดีที่สารอาหารแบบน้ำนั้น ก็มีข้อเสียหลายประการ สำหรับเครื่องดื่ม ที่ผลิตจากผลไม้ทั้งลูกนั้น ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยจะมีส่วนผสมของเปลือก เมล็ด และเนื้อผลไม้ ที่ถูกปั่นแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านั้น ไม่ละลายน้ำ เพียงแค่ 30 นาทีหลังจากบรรจุขวด ด้านล่างของขวดจะเต็มไปด้วยตะกอน ที่เป็นส่วนของเมล็ด เปลือก และเนื้อผลไม้ โดยปริมาณหรือตะกอน ในแต่ละขวดก็ไม่ค่อยเท่ากัน ซึ่งตะกอนเหล่านั้น ทำให้สารอาหารแบบน้ำ จำเป็นต้องเขย่า ให้เข้ากันดีก่อนดื่ม ซึ่งคำเตือนเหล่านี้ จะปรากฏให้เห็นบนฉลาก

ถ้าไม่ได้เขย่าให้เข้ากันก่อนดื่ม สิ่งที่ได้ก็คือ สารอาหารที่มีความเข้มข้น ของสารออกฤทธิ์ต่ำ ด้านบนของขวด และสารอาหาร ที่มีความเข้มข้น ของสารออกฤทธิ์สูง (ส่วนใหญ่จะอยู่ในตะกอน) ด้านล่างของขวด ซึ่งทำให้ได้รับสารอาหาร ไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นข้อเสียของ สารอาหารแบบน้ำ

และถ้าดูที่ฉลากจะเห็น คำเตือนอีกอย่าง “แช่เย็นหลังจากเปิดขวด” ในอากาศนั้น เต็มไปด้วยแบคทีเรีย ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย ซึ่งง่ายต่อการปนเปื้อนลงในเครื่องดื่ม ทุกครั้งที่เปิดขวด แบคทีเรียสามารถเติบโต ได้อย่างรวดเร็วที่อุณหภูมิห้อง เมื่อขวดเครื่องดื่ม ถูกลืมเอาไว้นอกตู้เย็น

ดังนั้นสารกันเสีย จึงถูกนำมาใช้ในปริมาณที่สูง เพื่อป้องกันการเติบโต ของแบคทีเรีย สารอาหารแบบน้ำส่วนใหญ่ จะบรรจุอยู่ในขวดขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สะดวก ในการพกพา และจำเป็นต้องแช่ตู้เย็น ยากที่จะพกพา ไปที่ทำงาน ระหว่างเดินทาง หรือท่องเที่ยว ซึ่งไม่สะดวก และปริมาณสารอาหารที่ได้รับ แต่ละครั้ง ก็ไม่แน่นอนอีกด้วย

สารอาหารรูปแบบเจล
สารอาหารในรูปแบบเจลนั้นไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เทคโนโลยีของสารอาหาร ในรูปแบบเจลนั้นถูกพัฒนาให้เกิดสภาวะระดับไมโคร ที่บรรจุสารอาหารเอาไว้ข้างใน สารอาหารรูปแบบเจลนั้นกลืนง่าย และพกพาสะดวก และเป็นการง่าย ที่จะแบ่งปันสิ่งที่ดีให้คนรอบข้าง ซึ่งสารอาหารแบบเจลนี้จะเป็นสารอาหารที่จะได้รับความนิยมมากที่สุดใน ทศวรรษที่ 21 นี้
  • เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100%
  • สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่

ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 3 -15 นาที

  • ให้สารอาหารในปริมาณที่แม่นยำ
  • ความเข้มข้นในร่างกายคงที่
  • รสชาติอร่อย รับประทานง่าย
  • บรรจุภัณฑ์ ช่วยคงคุณภาพของสารอาหารได้ดี
  • พกพาสะดวก


agel-product


งานวิจัยการดูดซึมของอาหารเสริมเจลและการเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายกับอาหารเสริมเจล
เจล ดีกว่า เม็ด 5เท่า
ผลวิจัยจาก ม.มหิดล และ ม.แม่ฟ้าหลวงมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในด้านการแพทย์และการชะลอวัย

agel-absorb-research

 

การทดสอบของ Mayo Clinic ที่ Rocheser รัฐ Minnesota

เพื่อทดสอบการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของอาหารเสริมรูปแบบเจลเทียบกับรูปแบบ Capsules

โดยแกนนอนคือระยะเวลาหลังที่ได้รับอาหารเสริม แกนตั้งเป็น %ของสารอาหารที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายในช่วงเวลาต่างๆ

จากผลการทดสอบพบว่า 48 ชั่วโมงอาหารเสริมรูปแบบเจลจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายใน

2 ชั่วโมงแรกได้น้อยกว่า 5%

ชั่วโมงที่ 2-4 ดูดซึมได้ 10-15%

ชั่วโมงที่ 4-8 ดูดซึมได้ 25-30%

ชั่วโมงที่ 8-24 ดูดซึมได้ 25-30%

ชั่วโมงที่ 24-48 ดูดซึมได้ 15-20%

เมื่อรวมกันในทุกชั่วโมงแล้วดูดซึมได้เกือบ 100%

ในขณะที่อาหารเสริมรูปแบบ Capsules ดูดซึมรวมกันในทุกช่วงเวลาภายใน 48 ชั่วโมงได้ไม่ถึง 50%

และที่เหลือต้องขับออกจากร่างกายซึ่งทำให้ ตับ ไต ทำงานหนัก

โดยในช่วง 2 ชั่วโมงแรกอาหารเสริมรูปแบบเจลดูดซึมได้มากกว่าแบบ Capsules 1.4 เท่า

ชั่วโมงที่ 2-4 ดูดซึมได้ดีกว่า 5 เท่า

ชั่วโมงที่ 4-8 ดูดซึมได้ดีกว่า 3.6 เท่า

ชั่วโมงที่ 8-24 ดูดซึมได้ดีกว่า 1.9 เท่า

gel-absorption

 

คลิ๊กพิสูจน์ด้วยตัวเอง เกี่ยวกับสารอาหารแบบเจลราคาถูก ดีจริงหรือ?

 

AGEL ได้รับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา

มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย

คุณจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย และได้ประโยชน์มากที่สุด!

ได้กิน ได้ใช้ ได้ผล และ คุ้มค่า

eat-agel-around-world

 

cinnamongal-eat-agel-gel-gelsociety

cinnamongal-eat-agel-gel-gelsociety

Click! ติดต่อสอบถามราคา Agel หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ เอเจล-อาเจล Agel